นายแพทย์สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ได้เขียนไว้ใน "จากสหพันธ์แพทย์ชนบท ถึงชมรมแพทย์ชนบทและมูลนิธิแพทย์ชนบท" เมื่อปี พ.ศ. 2530
มีข้อความตอนหนึ่งเล่าถึงต้นกำเนิดของมูลนิธิแพทย์ชนบทว่า
"........หลังจากตั้งชมรมแพทย์ชนบท มาได้ประมาณ 2 ปี พี่ ๆ ทั้งหลายที่ร่วมกันก่อตั้ง
ก็มีความคิดกันขึ้นมาว่าน่าจะมีองค์กรที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย
เพื่อรองรับงานต่าง ๆ ที่ชมรมกำลังทำอยู่ ประกอบกับมีการสนับสนุนทางความคิดและกำลังใจ
จากผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่าน อาทิเช่น
อจ.นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว , อจ.นพ.ไพโรจน์ นิงสานนท์ , อจ.นพ.ประเวศ วะสี และพี่ปรีชา ดีสวัสดิ์
จึงได้เกิดการเคลื่อนไหวที่จะตั้ง "มูลนิธิแพทย์ชนบท" ขึ้น
ในการประชุมสมาชิกชมรมแพทย์ชนบทภาคอีสาน
ที่เขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เมื่อปลายปี พ.ศ. 2523
ก็มีการประชุมจัดตั้งมูลนิธิขึ้นด้วย ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับการจัดตั้งมูลนิธิแพทย์ชนบท
และพี่มานิตย์ ประพันธ์ศิลป์ ประธานชมรมแพทย์ชนบทในขณะนั้น
ก็รับที่จะเป็นผู้ประสานงานในการก่อตั้ง มูลนิธิแพทย์ชนบทขึ้น
ปัญหาสำคัญก็คือ การจัดหาทุนจดทะเบียนในระยะเริ่มแรกจำนวนอย่างน้อย 1 แสนบาท
ความดังกล่าว ทราบถึง ท่าน อจ.พญ.จินดาภา สายัณหวิกสิต
อดีตอาจารย์แพทย์ที่ศิริราชซึ่งมีความรัก ความเข้าใจในแพทย์ชนบทอย่างมาก
ท่านได้แสดงความจำนงที่จะบริจาคเงินจำนวน 1 แสนบาทเพื่อก่อตั้งมูลนิธิ
การประสานการจัดตั้งมูลนิธิจึงได้ดำเนินการต่อไป
จนกระทั่งสามารถจดทะเบียนตั้งมูลนิธิแพทย์ชนบทได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2525
โดยมี อจ.นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว เป็นประธานมูลนิธิ และพี่มานิตย์ ประพันธ์ศิลป์ เป็นเลขานุการ
หลังจากนั้นไม่ถึง 2 ปี
พี่มานิตย์ ประพันธ์ศิลป์ ตัวจักรสำคัญในการก่อตั้ง "สหพันธ์แพทย์ชนบท" "ชมรมแพทย์ชนบท"
และ "มูลนิธิแพทย์ชนบท" ก็โอนไปรับราชการที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
การดำเนินงานของมูลนิธิแพทย์ชนบทในระยะแรก ๆ ซึ่งเป็นระยะการก่อร่างสร้างตัว
ยังมีกิจกรรมไม่มากนักเนื่องจากขาดทั้งเงินทุนและกำลังคน
ในระยะแรกจึงเป็นไปในรูปการจัดหาทุนและสนับสนุนการจัดพิมพ์วารสาร และจุลสารของชมรมแพทย์ชนบท
รวมทั้งจัดตั้ง "กองทุน นพ.กนกศักดิ์ พูลเกษร"
เพื่อมอบรางวัลให้แก่แพทย์ที่ปฏิบัติงานในท้องถิ่นทุรกันดารและเสี่ยงภัย
งานในระยะต่อมา ได้ขยายกิจกรรมให้กว้างขึ้น โดยร่วมกับชมรมแพทย์ชนบท
จัดทำทำเนียบแพทย์โรงพยาบาลชุมชน
จัดหาทุนสนับสนุนโรงพยาบาลชุมชนในเขตทุรกันดารและเสี่ยงภัย
จัดหาทุนเพิ่มเติมโดยการจัดพิมพ์บัตร ส.ค.ส.
การติดต่อกับสมาคมแพทย์ไทยในสหรัฐอเมริกา
และจัดทำโครงการพัฒนาอนามัยแม่และเด็ก ร่วมกับชมรมแพทย์ชนบท และแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย
โดยการสนับสนุนของแพทยสมาคมแห่งสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการช่วยเหลือแพทย์ชนบทด้วย.............."
จากหลักฐานสำคัญคือ รายงานการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิแพทย์ชนบท ครั้งที่ 1/2525
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2525
ทำให้ทราบจุดกำเนิดของมูลนิธิแพทย์ชนบทที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนี้
".........ประธานได้แจ้งความเป็นมาของการก่อตั้งมูลนิธิว่า
กรรมการก่อตั้งได้ประชาสัมพันธ์เรื่องมูลนิธิทางโทรทัศน์ช่อง 9 เมื่อต้นปี 2524
หลังจากนั้นก็ได้รับบริจาคเงินเพียงพอที่จะจดทะเบียนเป็นมูลนิธิ
จึงได้ขออนุญาตจัดตั้งมูลนิธิจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
ได้รับใบอนุญาตเลขที่ ต. 228/2524 ออกให้ ณ วันที่ 2 กันยายน 2524
จากนั้นจึงได้จดทะเบียนจากระทรวงมหาดไทยเพื่อให้มีฐานเป็นนิติบุคคล
ซึ่งได้รับเลขทะเบียนจากกรุงเทพมหานคร ทะเบียนลำดับที่ 1719 เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2525
มีคณะกรรมการเริ่มแรก 12 คน ............."
จึงถือได้ว่า วันเกิดที่แท้จริงของมูลนิธิแพทย์ชนบทคือ วันที่ 2 กันยายน 2524
ส่วนวันที่ 15 มีนาคม 2525 เป็นวันที่มูลนิธิแพทย์ชนบท ได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็น "นิติบุคคล" ตามกฎหมาย
มูลนิธิแพทย์ชนบทได้กำหนดวัตถุประสงค์ไว้ในตราสาร 4 ข้อ ดังนี้คือ
1. เพื่อสนับสนุนการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในชนบท
2. เพื่อสนับสนุนการวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุขในชนบท
3. เพื่อสนับสนุนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขในชนบท
4. เพื่อส่งเสริมขวัญและกำลังใจของแพทย์ที่ปฏิบัติงานอยู่ในชนบท
ใน ช่วง 1 ปีแรกของการจัดตั้งมูลนิธิขึ้น มีความพยายามที่จะจัดทำโครงการต่าง ๆ
เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ ได้แก่
โครงการสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลชุมชน โครงการเยี่ยมเยียนโดยแพทย์อาวุโส
โครงการสนับสนุนงานวิจัยที่เกี่ยวกับโรงพยาบาลชุมชนและโครงการแก้ปัญหาฉุกเฉินในโรงพยาบาลชุมชน เป็นต้น
แต่การดำเนินการจริงยังทำได้ไม่มากนัก เพราะมูลนิธิมีเงินทุนค่อนข้างน้อย ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าว
ชมรมแพทย์ชนบทยังมีความคล่องตัวสูงในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามทิศทางเดียวกันนี้
มูลนิธิจึงยังไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก
สำหรับคณะกรรมการชุดก่อตั้ง 12 คน มี นพ.ปรีชา ดีสวัสดิ์ ทำหน้าที่เป็นเหรัญญิก
และ นพ.มานิตย์ ประพันธ์ศิลป์ เป็นเลขานุการ
โดยมี นายอรุณ บุญมาก ทำหน้าที่ช่วยงานเลขานุการและประสานงานเรื่องต่าง ๆ
ในนามของมูลนิธิแพทย์ชนบทอย่างต่อเนื่องหลายปีติดต่อกัน
โดยมี นางสาววารุณี เจนาคม เจ้าหน้าที่กองกลางเป็นผู้ช่วยอีกแรงหนึ่งมาโดยตลอด
ในปี 2537 มีการออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติม เป็นการภายในอีก 3 คน คือ
นพ.วิชัย โชควิวัฒน และ นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เป็นกรรมการ
นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
โดยตั้งให้ นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ เป็นกรรมการเดิม
ทำหน้าที่เลขานุการแทน นพ.มานิตย์ ประพันธ์ศิลป์ ซึ่งโอนไปรับราชการที่ทบวงมหาวิทยาลัย
ในช่วงปี 2528 เป็นต้นมา งานเริ่มมีความเข้มข้นขึ้น มีการจัดตั้งกองทุนนายแพทย์กนกศักดิ์ พูลเกษร ขึ้น
เพื่อมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติแก่แพทย์ชนบทที่ปฏิบัติงานด้วยความอดทน ตั้งใจ และเสียสละ
ในเขตเสี่ยงภัยและทุรกันดาร
ซึ่งโครงการนี้ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาจน ถึงปัจจุบัน
นอกจากนั้นก็มีการจัดหาเงินสมทบทุนมูลนิธิด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น
จัดทำทำเนียบแพทย์โรงพยาบาลชุมชนจำหน่าย
จัดทำเทปเพลงหมอบ้านนอกจำหน่าย และจัดพิมพ์ ส.ค.ส.จำหน่าย เป็นต้น
ในปี 2529 เริ่มีการอนุมัติทุนสนับสนุนการทำวิจัยเกี่ยวกับโรงพยาบาลชุมชน
มีการบริจาคเงินให้โรงพยาบาลจัดหาครุภัณฑ์และจัดทำโครงการริเริ่มต่าง ๆ
และผลักดันให้เกิดปาฐกถาพีร์ คำทอน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2529
ในปี 2530 - 2531 การดำเนินงานมีความเข้มข้นสูงสุด มีการตั้งกรรมการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น
ได้แก่ นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ (ซึ่งต่อมาทำหน้าที่เลขานุการต่อจาก นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ)
นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ , พญ.สุพัตรา ศรีวณิชชากร , นพ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ
และ นพ.ทรงกิจ อติวนิชยพงศ์ เป็นอาทิ
มีการขอรับบริจาคเงินจากแพทย์ไทยในสหรัฐอเมริกา ร่วมกับสมาคมแพทย์อเมริกา
จัดทำโครงการวิจัยเพื่อพัฒนาการอยู่รอดของเด็กไทย
ร่วมปฐมนิเทศแพทย์จบใหม่ สนับสนุนทุนวิจัยช่วยเหลือเกื้อกูลแพทย์ชนบท เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชุมชน
และครอบครัว ในกรณีประสบภัยต่าง ๆ
โครงการที่กล่าวได้ว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง คือ
การเป็นองค์กรแกนกลางจัดวิ่งรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ทั่วประเทศเมื่อ เดือนตุลาคม 2530
เพื่อขอประชามติสนับสนุนโครงการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
กระตุ้นให้รัฐบาลเอาใจใส่และเข้ามาแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง
อีกโครงการหนึ่งที่ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาก็คือ โครงการเยี่ยมแพทย์โรงพยาบาลชุมชน
ใน แง่ของการบริหารงาน ได้มีการจัดทำ "แผนการดำเนินงานของมูลนิธิ ปี พ.ศ. 2530 - 2531" ขึ้นเป็นครั้งแรก
เพื่อให้การทำงานเป็นระบบและชัดเจนมากขึ้น ซึ่งผู้มีส่วนสำคัญในการจัดทำและผลักดันแผนฉบับนื้ คือ
นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ และ นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์
โดยมี นพ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ เข้าทำหน้าที่ช่วยดูแลงานของมูลนิธิมากขึ้นด้วย
มีผลทำให้มูลนิธิมีผลงานชัดเจนที่สุดในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา
ในช่วงต่อมา การดำเนินงานของมูลนิธิฯ ค่อนข้างเงียบเหงาและซาลงไปมาก
ทั้งนี้อาจด้วยเหตุผลปัจจัยหลายประการซึ่งเข้าได้กับหลักความจริงที่ว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความความเปลี่ยนแปรไป ตามเหตุปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่มีสิ่งใดจะคงที่อยู่ได้ตลอดไป
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี พ.ศ. 2535 - 2536
ได้มี นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เข้ามาช่วยทำหน้าที่ดูแลกิจการบริหารทั่วไปของมูลนิธิฯ
ทำให้การดำเนินงานปกติต่าง ๆ เป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อย
ในช่วงปี พ.ศ. 2537 - 2540 มูลนิธิฯ ยังคงมี ศ.นพ. เสม พริ้งพวงแก้ว เป็นประธานกรรมการ
แต่ได้มอบหมายให้ นพ.ไพโรจน์ นิงสานนท์ รองประธานกรรมการ ทำหน้าที่แทนค่อนข้างจะเต็มตัว
มี นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เป็นเลขาธิการ นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ และ
นพ.สมชัย วิโรจน์แสงอรุณ เป็นผู้ช่วยเลขาธิการ
โดยมี นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ทำหน้าที่เหรัญญิก
ในช่วงนี้มูลนิธิฯ ได้รับเงินอุดหนุนองค์กรเอกชนจากกระทรวงสาธารณสุข ค่อนข้างต่อเนื่อง
ทำให้มูลนิธิฯสามารถจัดทำโครงการ/กิจกรรมได้ค่อนข้างมาก
แต่ส่วนใหญ่เป็นโครงการ/กิจกรรมที่ไม่ใหญ่มากนัก
ในช่วงนี้มูลนิธิฯมีการจัดระบบบริหารงานที่เป็นระบบชัดเจนยิ่ง ขึ้น มีการจัดทำแผนงานประจำปี
มีการจัดระบบงานของสำนักงานมูลนิธิฯ
โดยมอบหมายให้ นางวงเดือน จินดาวัฒนะ ทำหน้าที่หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิ (แบบบางเวลา)
และจ้างเจ้าหน้าที่ประจำ 1 คน
|